วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แบกเป้ตามใจฉัน สไตล์ดอกไม้ทะเลทราย ฮานอย-ฮาลองเบย์ แบบเบาๆ 12-14 กค 56


แบกเป้ตามใจฉัน สไตล์ดอกไม้ทะเลทราย

ฮานอย-ฮาลองเบย์ แบบเบาๆ 12-14 กค 56



ฮาลองเบย์ (เวียดนาม) มรดกโลกทางธรรมชาติ
าเป็นอ่าวที่สวยที่สุดของเวียดนามและได้รับการขนานนามว่าเป็น “สิ่งมหัศจรรย์ของโลก” อ่าวฮาลองมีพื้นที่ประมาณ 4,000 ตารางกิโลเมตร มีเกาะหินปูนน้อยใหญ่กระจัดกระจายอยู่กว่า 1,000 เกาะ 
เครดิตภาพ .. Tac.dam.com




แบ่งปันข้อมูล แล้วก้อแผนการเดินทางนะคะ ราคาค่ารถ
To and from Noi bai Airport
Transportation To Duration Fare
Bus Number 7 Cau Giay Bus Station Approximately 30 mins Approximately VND 8000
Number 17 Long Bien Bus Station Approximately 50 mins Approximately VND 8000
Airport Minibus Hanoi downtown Approximately 45 mins Approximately VND 35,000 (Vietnamese) or 40,000 (foreigner)
Taxi Hanoi downtown Approximately 45 mins Approximately VND 330,000
ทริป ฮานอย-ฮาลองเบย์ 2 คืน 3 วัน 
วันที่ 1 เช้า ถึง ฮานอย - อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ (Lang Chu Tich Ho Chi Minh)
- เจดีย์เสาเดียว (Chua Mot Cot)
- วัดตรันกว๊อก (Tran Quac Temple)
- วัดหง๊อกเซิน (Ngoc Son)
- ชมทะเลสาบคืนดาบ(Sward Lake)
- วิหารวรรณกรรม (Van Mieu)
- ชมพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์
- ตลาดดองซวน ( Dong Xuan Market) 

วันที่ 2 เช้า ฮาลองเบย์ ล่องเรือมังกรชมอ่าวฮาลอง 
-ถ้ำเทียน กุง หรือพระราชวังสวรรค์ (หินงอก หินย้อย แสงสีเสียง) แล้วกลับฮานอยในช่วงบ่าย 
เย็นๆ ค่ำ ๆ - ชมการแสดงหุ่นกระบอกน้ำ (Water Puppet Show) นอนที่ฮานอย 1 คืน
วันที่ 3 เช้า -บินกลับกรุงเทพ..................... 


เราเลือกที่พักที่นี่ เพราะสะดวกในหลายๆ ด้าน ราคาก้อกำลังดี ไม่ถูกไม่แพง จนเกินไป นอกจากนี้ ยังมีรถรับส่ง จากสนามบินด้วย ในกรณ๊ที่ไม่อยากขึ้นรถเมล์ เฉลี่ยนคนละ 150 ส่งถึงโรงแรมก้อโอนะ บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าแบบรวม อิอิอิ มีทัวร์บริการ มีที่แลกเิงิน คือ ดูแล้วเผื่อฉุกเฉินไร ถ้าไม่คิดมาก 
เราก้อเบ็ดเสร็จได้จากโรงแรมนี้เรยยย 



และนี่คือผู้ร่วมทริป ทั้งสี่คน 3 สาว กับ 1 หนุ่ม ที่จะร่วมเดินทางไปกับเรา การพบการทางอินเตอร์เนตมันคือ จุดเริ่มแห่งการออกไปแสวงหาค่ะ 
การเรียนรู้ และการได้ทำในสิ่งที่เราชอบ ไม่มีคำว่าสายเกินไป เพราะการรอคอย มันมักจะคุ้มค่าเสมอ ................



เราได้เพื่อนใหม่ เป็นสาวน้อยชาวเวียดนาม น่ารัก เธอเป็นนักศึกษาจบใหม่ๆ 
แต่มาอาสาเป็นไกด์นำเที่ยวในฮานอย ในสนนราที่ไม่แพงนัก แต่ครั้งนี้เธอบริการเราฟรี
 เพียงแต่เลี้ยงข้าว กับออกค่าตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ ให้ อิอิอิ 
เธอบอก ว่า มิตรภาพมันมีค่ากว่าเงิน โหยย น่ารักอ้ะ
 และนี่คือเวปไซด์ของเธอ
https://www.triip.me/ha-noi/hanoi-big-city-tour-448/ 

เผื่อเพื่อนๆ ท่านใดสนใจไปกันเอง ก้ออาจจติดต่อขอใช้บริการจากเธอได้ 




กลับมาแล้วค่ะ บินจาก สนามบิน นอยไบ Noi Bai ที่ฮานอย เวียดนาม
 ทริปนี้หมดไม่ถึง 7000 ค่ะ อิอิอิ ดีจัง ทริปประหยัด





ว่าแล้ว เราก้อเริ่มออกเดินทางกันเถอะ

นัดรวมพล กันที่ ดอนเมือง สมาชิกมากันครบเรยย ก้อเตรียมตัวเช็คอินกัน 
วันนี้จุดมุ่งหมายของเรา ก้อคือ ฮานอย 



กรอกใบผ่าน ตม. ขาออก กันก่อน อิอิอิ บางคนยังไม่เคยบินออกนอกประเทศ 
ก้อต้องมาซักซ้อมความเข้าใจกันหน่อย



ที่ สนามบินดอนเมือง จะมีวิธีการกรอกอยู่ จากสภาพ ค่อนข้างเก่า แล้วก้อ ยับเยินไปนิด
 แต่ก้ออธิบายสักหน่อย ไว้เป็นความรู้ สำหรับคนที่ยังไม่เคยใช้บินการสายการบิน การกรอก ของไทยเราจะมีสองส่วน คือ ในส่วน ใบ ขาออก กับขาเข้า ขาออก ก้อคือ ออกนอกประเทศ
 เราจะเริ่มกรอก กัน ช่องแรก ก้อ คือ นามสกุล
ชื่อ วันเดือนปีเกิด สัญชาติ หมายเลขพาสปอร์ต เซ้นชื่อด้านล่างสุด แล้วส่วนช่องทางขวามือ 
ก้อคือ หมายเลขไฟลท์บินของเรา ส่วนอีก 1 ส่วน จะเป็นใบขาเข้า อันนี้กรอกตอนกลับมา 
โดยขาออก เจ้าหน้าที่จะดึงใบขาออกไป แล้วจะแม๊ค เย็บใบขาเข้าติดไว้ แต่ถ้าเกิดหายก้อไม่เป็นไร เราก้อขอ แอร์ บนเครื่องก้อได้ ขาไปตอนเช็คอินที่ดอนเมือง ขอได้จากเคาน์เตอร์ที่เราเช็คอินเรย เพราะข้างในตรงที่กรอกไม่มีแจก 




ใช้เวลาบินไป 2 ชม โดยประมาณ แอร์เอเชียก้อพาเรามายัง จุดหมาย สนามบิน นอยไบ ฮานอย เวียดนาม ตม. ที่นี่เราไม่ต้องกรอกใบขาออก ขาเข้าให้ยุ่งยาก ใช้แค่พาสปอร์ตเล่มเดียว ดีอ่ะ 
ไม่วึ่นวือดี แต่นอกจากเรามีของต้องสำแดงเท่านั้นแหละ ถึงจะขอใบสำแดงรายการ 
มากรอก แต่ทริปประหยัดของเรา อย่าหวังว่าจะได้แอ้ม อิอิอิ




หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว เราก้อเมียงๆ มองๆ ดูแท็กซี่จากโรงแรมที่เรานัดไว้
 ในราคา เที่ยวละ 20 ยูเอสดอลล่าห์ แต่ถ้าเรามาคนเดียวเราคงขึ้นรถเมล์อ่ะ ถูกดี แต่ทริปนี้เรามีกัน 
สี่คน หารกันก็พอรับได้ อีกอย่างก้อสะดวกดี เพราะไปครั้งแรก ขี้เกียจไปตามหาโรงแรม 
เจอแท้กซี่แล้ว เราก้อแล่นเข้าตัวเมืองฮานอยกันเรย เย้ เย้ เย้ 




2 สาว เริ่มต้นผจญภัยไปกับเราครั้งแรก ทุกอย่างช่างดูน่าตื่นเต้นไปหมด อิอิอิอิ




ถึงแล้ว โรงแรมที่เราจองไว้ อยู่ในซอยข้างโบสถ์ ในย่าน Old Quarter 




เวลคัมดริ้งค์ เป็นชามะลิ ร้อน ร้อน ซดแล้วคล่องคอ อิอิอิอิ




หลังจากนั้น ก้อขอเปลี่ยนอาหารเช้าในวันอาทิตย์ มาเป็นมื้อแรกในวันศุกร์
 เพราะวันกลับ เราไม่มีเวลากิน 
อาหารเช้าของทางโรงแรม มีเป็นเซตให้เลือก เก๋ไก๋ ไม่ใช่ แบบ ขนมปัง แยม หรือ ซีเรียล แบบที่อื่น ในเวียดนามนี่ค่อนข้างบริการดี ห้องเราจ่ายในราคาคืนละ ประมาณ 300 บาท แต่ทุกอย่างบริการ 
แบบ ดีเว่อร์ ชอบๆๆๆๆ เราเลือกอาหารเช้าไปคนละอย่าง พร้อมกับตกลงเรื่อง ทัวร์ ค่าโรงแรม 
รถรับส่ง พร้อมกับเคลียร์เงินให้ทางโรงแรม ก่อนจะขึ้นไปเก็บกระเป๋า อาบน้ำพักผ่อน
 เพราะกว่าจะรู้เรื่อง ก้อ เที่ยงแล้ว บ่ายๆ ถึงจะค่อยออกไปสำรวจเมืองกัน 




ตอนแรกเราจองห้องแบบ แฟมมิลี่ 4 เตียงไว้ นอนรวมกัน แต่คนเก่ายังไม่เช็คอิน 
ทางโรงแรมจึงเปลี่ยนห้องให้ เราได้ 2 ห้อง ห้องนึง 2 เตียง เรานอนกันสามสาว อีก 1 ห้อง
 เตียงเดี่ยว ให้ชายหนุ่มนอนคนเดียว สบายไป 555555 ห้องมีบริการทุกอย่าง
คอมตั้งโต๊ะให้เล่นฟรี ไวน์ น้ำ เบียร์ แล้วราคาเครื่องดื่ม ไม่แพงมาก ทุกอย่างเป๊ะ ห้องราคาถูกแสนถูก แต่ ออฟชั่นยังกะ สามดาว บ้านเรา เฮ้อ เห็นแล้วนึกถึงบ้านเรา โรงแรมใหญ่ ๆ *** 
ไวไฟเสียเงิน ไม่พัฒนาเอาซะเรย 
โรงแรม เล้กๆ กะโหลกกะลา ยังจะดีซะกว่า 




ห้องน้ำสะอาดสะอ้าน มีอุปกรณ์ของใช้วางไว้ให้ครบ มีที่โกนหนวด กับแปรงสีฟัน
 ไว้ให้ด้วย อิอิอิ น้ำอุ่น น้ำเย็น เปิดกันกระจาย




พักผ่อน อาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวเดินสำรวจเล่นๆ เรอบเมือง ทริปนี้เรามาแบบสบายๆ 
เพราะเวลาจำกัด แค่อยากมาพักผ่อน ชิวๆ ไม่อยากแข่งขันกะใคร ไม่อยากเร่งรีบแข่งกะเวลาใดๆ
 เราเดินออกมาหน้าโรงแรม ก้อเจอ โบสถ์เซ็นท์โจเซฟ แถวนี้เขาจะเรีกยว่า ย่านโบสถ์เก่า 
ซึ่งเป็นจุดศุนย์กลาง ของชาวแบ๊คแพ๊ค เลยก้อว่าได้ 


ฮานอย ในภาษาเวียดนาม ฮา แปลว่า แม่น้ำ นอย แปลว่า ข้างใน ฮานอยตั้งอยู่ใจกลางสันดอนลุ่มแม่น้ำแดงในภาคเหนือของประเทศ มีทะเลสาบน้อยใหญ่ถึง 18 แห่ง มีทะเลสาบประจมเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุด และมีทะเลสาบใจกลางกรุงที่ขึ้นชื่ออย่าง โฮฮว่านเกี๋ยม นับเป็นเมืองหลวงขนาดเล็กที่มีเสน่ห์ไม่แพ้เมืองหลวงของประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย ดังนั้น เมื่อคุณเดินทางมาถึงฮานอยจุดแรกที่ควรไม่ควรพลาดคือการไปริ่มต้นที่ ทะเลสาบโฮฮว่าเกี๋ยม ซึ่งเป็นย่านการค้าที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง มีถนนสายเล็กๆ 36 สายตัดสลับกันไปมา ชาวเวียตนามเรียกถนนสายนี้ว่า บาเมื่อยซัวโฟเฟือง แปลว่า 36 ถนน ชาวต่างชาติจะรู้จักกันในชื่อ โอลด์ควอเตอร์ หรือถนน 36 สาย บรรยาศของตลาดนี้คล้ายกับเยาวราชในประเทศไทย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งโรงแรม เกสต์เฮาส์ บริษัทนำเที่ยว ร้านอินเตอร์เน็ต ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นย่านเก่าในเมืองฮานอย และห่างจากกรุงฮานอยมาทางทิศเหนือระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ยังเป็นที่ตั้งของมรดกโลกทางธรรมชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกอย่างอ่าวฮาลอง ทะเลสาบที่มีเนื้อที่กว่า 4,000 ตารางกิโลเมตร มีเกาะหินปูนน้อยใหญ่ที่ถูกกัดเซาะจากคลื่นลมในท้องทะเลเป็นเวลากว่าพันปี จนเกิดหินปูนรูปทรงสวยงาม วางเรียงรายอยู่บนผืนน้ำมากกว่า 1,000 เกาะ 
บรรยากาศเหมือนอ่าวพังงาในประเทศไทย




โบสถ์เซนต์โจเซฟ (St Joseph Cathedral)
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนถนนยาจุง (Nha Chung) ทางด้านเหนือของทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม ของกรุงฮานอย เมื่อจักรวรรดิฝรั่งเศสเข้าปกครองเวียตนามและได้จัดการเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ให้ทันสมัยได้ทำให้ความเชื่อและสิ่งก่อสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ได้ถูกทำลายทิ้งไปพอสมควร รวมถึงที่นี่ด้วย เพราะก่อนตะสร้างโบสถ์แห่งนี้ที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของเจดีย์บ่าวเทียน (Bao Thien) และถูกทำลายลงตอนสร้างโบสถ์เซนต์โจเซฟ ทำให้ที่นี่เป็นโบสถ์เก่าที่สุดในฮานอย เริ่มเปิดครั้งแรกในคืนคริสต์มาสปี พ.ศ. 2429 



โรงแรมให้แผนที่เรามา 1 แผ่นใหญ่ พร้อมกับไฮไลท์ให้ไว้ว่าจะไปไหนได้บ้าง แต่เวลาเราจำกัด 
เราเลยเลือกที่จะเดินชิวๆ ดีกว่า พ่อค้าแม่ค้า ชาวเวียดนาม เราพบได้ทั่วไป มีทั้งหาบเร่แผงลอย 
บางคนพูดไทยชัดอีกตะหาก จะนินทาใครนี่ต้องระวังนะ 555555 




เราเดินกันไปตามโพย จนถึงทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม (Ho Hoan Kiem หรือ ทะเลสาบคืนดาบ)
ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่าครั้งอดีตพระเจ้าเลไทโต (Le Thai Yo)
 ได้นำดาบวิเศษซึ่งนำมาต่อสู้กับพวกหมิงจนสามารถปลดปล่อยประเทศให้อิสระแล้ว พระองค์ทรงเรือไปกลางทะเลสาบเพื่อคืนดาบวิเศษให้กับเต่าศักดิ์สิทธิ์ และกล่าวกันว่าเต่าได้ขึ้นมาฉกดาบไปจักพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วหายไปในทะเลสาบ 
อันเป็นเหตุให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่า ทะเลสาบคืนดาบ



หากมองไปกลางทะเลสาบจะเห็นเจดีย์โบราณโผล่ขึ้นพ้นน้ำ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 มีชื่อเรียกว่า ทาพรัว (Thap Rua) ซึ่งหมายถึง หอคอยเต่าและในปัจจุบันยังมีหลายคนบอกว่าเห็นเต่าขนาดใหญ่อยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดูกาล



สะพานสีแดงมีชื่อว่า สะพานเทฮุก (The Huc) หรือสะพานแสงอาทิตย์ มีสีแดงสดใสถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของกรุงฮานอย เชื่อมต่อกับวัดหง็อกเซิน ( Ngoc Son หรือ วัดเนินหยก 
เอาไว้ สามาถเดินข้ามไปได้ แต่ก่อนเข้าวัดจะต้องซื้อตั๋วผ่านประตูเข้าไป แต่เราไม่ได้ซื้อ 
เราแค่เดินไปเยี่ยมชมและถ่ายรูปบนสะพานแดง แต่ถึงไปหน้าวัด 
เขาก้อจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วอีกทีก่อนจะเข้าไปเยี่ยมชมภายในวัดอีกที



                      วัดหง๊อกเซิน ด้านในมีบรรยากาศร่มรื่นและมีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อน



เราชมทะเลสาปคืนดาป ถ่ายรูปปแล้ว ต่อไป เราจะไปต่อกันที่ โรงละครหุ่นกระบอกน้ำ 



การแสดงหุ่นกระบอกน้ำอันมีชื่อเสียง เราไปตีตั๋วได้รอบ 15.30 น. เวลาที่ไทยกับที่เวียดนามนั้น
เท่ากัน ดีอย่าง อิอิอิ เราได้ตั๋วชมคนละ 100000 ดอง เอา 678 หารเอาเองนะคะ
 จะได้เงินบาทโดยประมาณ เราได้ที่นั่งกันหน้าสุดเลย 




การแสดงจะมีเป็นตอนๆ โดยมีผู้บรรยาย เป็นภาษาเวียดนาม แต่มีซับภาษาอังกฤษบรรยายให้เราได้แปลตะหาก การเล่าเรื่องส่วนใหญ่ก้อจะเป็นการเล่าเรื่องวิถีชีวิตทั่วไป เพราะการแสดงหุ่นกระบอกนี้ได้เริ่มมีขึ้น เมื่อตอนน้ำท่วม ทำให้ชาวเวียดนามคิดค้นขึ้นมาเพื่อสร้างความบรรเทิงในช่วงที่มีน้ำท่วม 




การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ จะมีคนชักอยู่ด้านหลัง พอตอนจบเขาจะออกมาโชว์ตัวกัน 
โดยส่วนตัวเราว่ามันเจ๋งมากนะ แต่เทคนิคการชัก เขาเก็บเป็นความลับ 
ไม่เปิดเผยถึงเทคนิคการชักแต่อย่างใด คงจะสงวนไว้น่ะ 
่แต่ชอบอ่ะ ฝีมือมากๆ เจ๋งโครตอ่ะ 



ใช้เวลาในการชมหุ่นกระบอกน้ำ ประมาณ 1 ชม อิอิอิ เราก้อออกมาเดินกันต่อ ถ่ายรูป ชมวิวไปเรื่อยๆ 



เดินวนกลับมา เจอร้านน่านั่งริมทะเลสาปคืนดาป งั้นเข้าไปนั่งรับแอร์เย็นๆ 
ชมวิวเพลินๆ ของทะเลสาปคืนดาปดีกว่า 




นั่งชิวๆ กัน ในเวลาเย็นๆ ถัดจากนี้เราว่าจะไปหาไรกินกันต่อเป็นอาหารเย็น
 และเดินเล่นตลาดไนท์มาร์เกต หาซื้อของฝากกัน 



คืนนี้เราไปเดินหาซื้อของฝากกัน เพื่อนร่วมทริปอยากได้ของเล่นไปฝากเด็กเล้กๆ ยืนเลือกกันได้ไม่เท่าไร ฝนก้อกระหน่ำตกลงมา เซ้งเรย อดเดินไนท์มาร์เกต เรย ต้องตากฝน กัน แต่ก้อได้ซื้อเสื้อมาเป็นที่ระลึก กันคนละหลายๆ ตัว หาไรกินข้างทางแบบท้องถิ่น เริ่มด้วยซาละเปาแบบเวียดนาม
 ลูกละ 15000 ดอง อิอิอิ ยังไม่อิ่ม เพื่อนสมาชิกของเราแวะซื้อเบียร์ 8 กระป๋องแบบเบาๆ 
กลับไปกินที่ห้อง เห็นเขาว่าราคาถูกมาก อิอิอิ



เดินผ่านร้านนึง แม่ค้าสาวๆ กำลังทำไรขายไม่รุ เลยเข้าไปเลียบๆเคียงๆ ซื้อชิมดู ลักษณะเหมือนยำ เขาจะมีเส้นเหมือนเส้นที่ห่อ แหนมเนือง เป็นเส้นยาวๆ บางๆ เอามาคลุกๆ รวมกับ พริก ไก่หยอง
 รึหมาหยอง เราก้อไม่แน่ใจ อิอิอิ กล่องละ 20000 ดอง อุดหนุนมา 2 กล่อง




อำลาอาหารท้องถิ่น สำหรับคืนนี้ไป ด้วยการกลับไปนั่งกินที่โรงแรม แล้วพักผ่อนเก้บแรงไว้ในตอนเช้า สำหรับฮาลองเบย์ มรดกโลกทางธรรมชาติ พรุ่งนี้ ทัวร์จะมารับเราจากโรงแรม 
เป็นทัวร์ แบบ 1 วัน พร้อมอาหารกลางวัน รถรับ ส่ง ในราคาคนละ 30 ยูเอสดอลล่าห์


ตื่นมาแต่เช้า ทัวร์จะมารับเราในตอน 8 โมง เราลงมากินอาหารเช้ากันเรียบร้อย รถมารับแล้ว
 ก้อไปลุยกันต่อ หน้าโรงแรมในตอนเช้า ๆ จะเเป็นตลาดน้อยๆๆ มีนั่นมีนี่มาขายกัน 
วัฒนธรรมการกินของชาวเวียดนาม คือ นิยมนั่งชิวกันข้างถนน ด้วยตั่งนั่งเล็กๆ 




ทอม ไกด์หนุ่มชาวเวียดนาม ผู้ซึ่งอดทนกับสาวไทยอย่างเราเป็นอันมาก แหะ แหะ
 แต่ด้วยจรรยาบรรณ ในเมื่ออดทนบริการเรา เราก้อมีติ้บให้ตอนกลับด้วยนะเออ อิอิอิ




ใช้เวลาประมาณ 3 ชม กว่าๆ ไปยังเมืองฮาลอง เพื่อเข้าสู่ฮาลองเบย์
 ขาไประหว่างทาง
 จะมีจุดแวะพัก 1 ครั้งเพื่อให้เราได้ซื้อของฝาก 
ซึ่งก้อแน่นอน เราไม่ซื้อ เพราะราคาค่อนข้างแพง 
ได้แต่เข้าห้องน้ำแทน


ห้องน้ำที่รถแวะจอดพัก น่ารักดี เพราะมีประตูแค่ครึ่งบาน อิอิอิอิ ห้ามแอบดูกันน้าาา




และแล้ว รถตู้ก้อพาเรามาถึงยังอ่าวฮาลอง จากจุดนี้ ไกด์จะให้เรารอ
 ตั๋ว ซึ่งจะได้ถือไว้คนละใบไปขึ้นเรือ 
ตั๋วต้องเก็บให้ดี เพราะเขาจะตรวจสองรอบ คือตอนก่อนลงเรือ 
รอบสองตอนขึ้นชมถ้ำเด่าโก๋ (Dao Go) หรือ "ถ้ำสวรรค์" เพราะฉะนั้นห้ามหายจ้าาา



ได้เวลาลงเรือกันแล้ว ขึ้นเรือไปก้อจะเป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี อิอิอิอิ หิว หิว หิว


โต๊ะนึงนั่งกันประมาณ 6 คน อารมณ์ประมาณโต๊ะจีนอ่ะ อิอิอิ



ต้มหอย รสชาติปะแล่มๆ อิอิอิ ซดกันให้นัวไปเรยยย 




อิ่มหนำสำราญ รึหิวก้อไม่รุ นะ อิอิอิ ซัดกันเรียบทุกอย่าง กินเสร็จแล้ว 
ล้างปากด้วยแตงโม 
คนละ 1 ชิ้น ก้อขึ้นไปเก็บความงามข้างบนดาดฟ้าเรือกันซะหน่อยนึง



อ่าวฮาลอง ทะเลสาบที่มีเนื้อที่กว่า 4,000 ตารางกิโลเมตร มีเกาะหินปูนน้อยใหญ่ที่ถูกกัดเซาะ
จากคลื่นลมในท้องทะเลเป็นเวลากว่าพันปี จนเกิดหินปูนรูปทรงสวยงาม วางเรียงรายอยู่บนผืนน้ำ
มากกว่า 1,000 เกาะ บรรยากาศเหมือนอ่าวพังงาในประเทศไทย


อ่าวที่นี่สวยนะ เสียแต่แดดค่อนข้างแรง รึเราจะมีผิวบอบบางก้อไม่รู้นะ 
เพราะแสบไปหมดเรยอ่าาาาาาาาาา 



เรือแล่นมาเรื่อย ก้อจะมาจอดยังจุดพัก ให้พวกนักท่องเที่ยว ได้ดูวิวกันตามอัธยาสัย



ไม่ว่าจะเป็นคายัค เรือพาย เรือยนต์ ต้องเสียค่าบริการเพิ่มเติมกันเอง คายัคจะถูกสุด 2-3 ยูเอส
 แต่พวกเราไฮโซ ต้องเรือยนต์ 555555555555 โดนไปคนละ 6 ยูเอส เพราะขี้เกียจพาย 
แต่คิดผิด เพราะมันพาเรา วนรอบเดียว พวกเรางี้เซ็งเรย 





หนูน้อยหมวกแดงยังมาเที่ยวเรย อิอิอิ



คนขับ มันไม่สนใจคำวิงวอนของพวกเราเรย ขอวนอีกรอบก้อไม่ได้ 



เก็บความทรงจำและความประทับใจกันไป วันนี้เราขอติ้งต่างตัวเองเป็น โรส ซักวัน อิอิอิอิ 



หลังจากได้เวลา ไกด์ก้อเรียกเราขึ้นเรือ เพื่อไปต่อยังถ้ำสวรรค์ ไปดูหินงอกหินย้อยกันให้เพลินๆ ตา 
แต่ก้อไม่รู้สินะ ขึ้นเรือมา พรรคพวก ก้อเริ่มช๊อปกันกระจาย งานนี้เป็นเทคนิคของแต่ละคน 
ว่าใครจะฟันใคร ได้กำไร หรือขาดทุน 5555555555 



สุภาพบุรุษ 1 เดียวของเรา เรื่องช๊อป ก้อไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน 



สาวพิดโลก นางก้อไม่ถอย ยังคงฟาดฟันกับแม่ค้าต่อไป ไม่มีใครยอมใคร
 ก่อนจะไปถ้ำสวรรค์ ก้อตัวเบาไปตามๆ กัน อิอิ



เห็นธงลิบๆ โน่น ใกล้ถึงละ ถ้ำสวรรค์ ถ้ำมังกร ถ้ำ เด๋าโก แล้วแต่ใครจะเรียกอ่ะนะ 
งัดตั๋วใบเดิมขึ้นมา ให้เขาดูก่อนจะขึ้นถ้ำด้วยล่ะ ไม่มีอดนะจ๊ะ 
ทางขึ้นจะเป้นแบบ ขึ้นอีกฝั่งไปลงอีกฝั่ง เรือจะไปรอรับอีกฝั่งขากลับ 
อิอิอิ ขาขึ้น ชิวๆ ไม่สูงมาก พอได้เหงื่อ เล้ก ๆ 




ก่อนจะขึ้นก้อไปฟังไกด์ โม้ถึงประวัติความเป็นมาก่อน อิอิอิ 






อ่ะนะ ภายในถ้ำ เขาจะเปิดไฟให้ความสว่างๆ เป็นหย่อมๆ ไป ดูแล้วก้อสวยงามไปอีกแบบ 





                          บางจุดก้อมีคนมาโยนแหรียญ โยนแบงค์ อิอิอิ กองใหญ่ดีเนอะ 





เดินวนกันไปตามทางเรื่อยๆ ใช้เวลาไม่นานก้อเจอทางออก แวะซื้อน้ำ กัน เจอแม่ค้าสาว
ชาวเวียดนาม บอกเราด้วยเสียงออันดังว่า โค้ก 4 ป๋องร้อย จ้าาา 55555555555 อึ้งไม้ล่ะ 
บอกแล้ว ว่าอย่านินทาใครเป็นภาษาไทยเชียวนะ คนเวียดนามพูดไทยได้จ้าาาาา




กลับจากถ้ำ ก้อเข้าฝั่ง กลับไปยังตัวเมืองฮานอย ไกด์บอก เราช้ากันพอสมควร
 คงจะไปถึงฮานอย 4 ทุ่มเป็นแน่แท้ อิอิอิ 
ตอนนี้ ยังดูแล้วแรงดีกันอยู่ เด๋วสักพัก 


สักพักก้อเป็นเยี่ยงนี้ อิอิอิ หมดสภาพกันทุกคน



ขากลับฝนตกกันมาตลอดทาง ความฝันที่จะไปเที่ยวผับฮานอย ก้อมีอันล่มสลายไปในพริบตา



รถแวะพักกันอีก 1 ครั้ง ในขากลับ ที่นี่ ของฝาก โดยเฉพาะพวกของกินเยอะแยะ มากมาย 
คำนวณกันดีๆ นะคะ เพราะ คุณจะละลายเงินดองไปได้ในพริบตา อิอิอิอิ 




ถึงฮานอยกันแล้ว ฝนก้อยังไม่ยอมหยุดตก วันนี้มีไนท์มาร์เกตด้วย ตลาดใหญ่มากก 
ขอบอก ของกิน ของใช้เสื้อผ้า ทุกอย่างเพียบ นักท่องเที่ยวเดินกันอย่างสนุกสนานเรยย 



แต่ที่ฮานอยก้อมีย่านหรูนะ เหมือนในโฮจิมินเรยย ของแบรนด์เพียบ เขาจะทำเป็นโซนไว้เรยย



ระหว่างเดินกลับโรงแรม ก้อหาไรกินกันไป ขำ ๆ 




หลังจากพักผ่อนกันไป หลังจากกลับจากฮาลองเบย์
เช้านี้ เราก้อต้องเตรียมตัวกลับเมืองไทยกัน 
ทริปนี้ เราได้อะไรหลายอย่างๆ และเพื่อนๆ ด้วย ต่างก้อได้ประสบการณ์แตกต่างกันออกไป 



เราเดินมารอเพื่อนๆ และรถแท้กซี่ หน้าโบสถ์เซ้นท์โจเซฟ เวลาน้อยเหลือเกินเนอะ
 สำหรับความสุข 
ซึ่งเราก้อยังแอบหวัง ว่าความทุกข์ ก้อจงอย่าได้อยู่กับเรานานนักเลยเหมือนกัน 



แท๊กซี่มารับแล้ว ในตอน 6 โมงเช้ากว่า วันนี้เรากลับไฟลท์ 9 โมง จากฮานอย 




ถึงสนามบิน นอยไบ อิอิอิอิ เราก้อหาที่เช็คน้ำหนักกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่องกัน ได้เครื่องชั่งแบบโบราณ อิอิอิ น่ารักดี ชั่งแล้วใครเกิน เราก้อถ่ายน้ำหนักกระเป๋ากัน ช่วยๆ กันไป เพราะขึ้นเครื่องได้แค่ 7 โล อาจจะเกินได้นิดหน่อย เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้เทคนิค ตบตาเจ้าหน้าที่ อิอิอิ





อำลานอยไบ อำลา ฮานอย อำลา ฮาลองเบย์ ทุกอย่างมันช่างผ่านไปไวเหลือเกิน 
แต่คิดถึงภาระหน้าที่ ที่ยังรออยู่ข้างหน้า ก้อทำให้เราอ้อยอิ่งได้ไม่นานนัก จำต้องตัดใจอำลา 




จุดหมายปลายทาง สำหรับเรา ไม่เคยมีคำว่าสิ้นสุด
เพราะเราก้อไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดลงตรงไหนเหมือนกัน 
ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณอัลเลาะห์ หากชีวิตเราจะต้องเดินทางต่อไปเรื่อยๆ นั่นก้อคงเป้นเพราะพระประสงค์ของพระองค์

................................................. 
ชีวิตที่ไร้จุดหมาย แต่ไม่ไร้ซึ่งความหวัง
และนั่นคือ ความเป็นฉัน 








ผู้เขียน

ดอกไม้ทะเลทราย  
for solo traveller backpacker ร่วมแบ่งปันข้อมูลการเดินทาง กับการเดินทางค้นหาตัวตน
 ทุกที่รอเพียงแค่การไปถึงและพบเจอ วันพรุ่งนี้จะมาถึงหรือไม่ ยังไม่รู้.. แต่ความฝันเราจะยังคงอยู่นิรันดร์
แชร์ประสบการณ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พัก กิน การต่อรถ สถานที่เที่ยว สาระมั่ง ไม่สาระมั่ง 
รูปก้อได้จากกล้องกากๆ เรื่องราวก้องั้น ๆ แต่แค่กล้าพอที่จะออกเดิน มันก้อพอแล้วมั้ง 
.............. สำหรับชาวแบคแพค

แบ่งปันประสบการณ์ ค้นหาตัวตน ได้ที่